สรุป รีวิว Galaxy S21+ 5G ความคุ้มเกินราคา สร้างมาเพื่อการถ่ายภาพ และวิดีโอ รังสรรค์คอนเทนต์ให้น่าจดจำ ด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานรอบด้าน สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิง ให้ลื่นไหล ไม่มีสะดุด ด้วยอัตรารีเฟรช มากถึง 120 Hz จากจอแสดงผลแบบ Flat Dynamic AMOLED 2X พร้อมรองรับ HDR 10 Plus จบงานต่าง ๆ ได้ไม่มีพลาด
ใครที่อยากได้ มือถือ สมาร์ทโฟน สเปคแรงเกินคุ้ม
ออกแบบมาเพื่องานคอนเทนต์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง วิดีโอ อ่านไฟล์เอกสาร ใช้แอปพลิเคชันรันงานต่าง ๆ หรือแม้แต่เล่นเกมให้ได้ลื่นไหล ไม่ควรพลาด สรุป รีวิว Galaxy S21+ 5G ให้มันจบครบ ที่เครื่องนี้ !! จะมีฟีเจอร์อะไรล้ำหน้า ไฮเอนด์ หวือหวากันบ้าง ตามมาส่องในนี้กันได้เลย
เรียกได้ว่า การดีไซน์ที่เรียบเนียน ดูมีชั้นคลาสแบบนี้ กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่ง ที่อยู่คู่กับมือถือ ซัมซุง มาตลอด โดยเฉพาะฝาหลังของรุ่นนี้ ที่มีผิวสัมผัสเป็นแบบด้าน ด้วยการใช้เฟรม ‘โลหะอะลูมิเนียม AL7s10’ จับคู่กับบอดีแบบ ‘Glastic’ พร้อมครอบทับ ทั้งด้านหน้า – ด้านหลัง
ด้วยกระจก Gorilla Glass Victus ผ่านการรับรองมาตราฐาน ระดับ IP68 สำหรับคุณสมบัติกันน้ำ ที่กันได้ลึกสูงสุด 1.5 เมตร นาน 30 นาที หมดห่วงการใช้งานระหว่างฝนตก หรือต้องประคองไม่ให้ล่วงลงในสระน้ำ
หน้าจอแบบ Infinity-O Display Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120 Hz ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนค่า Refresh Rate ให้เหมาะสมในการใช้งาน ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ ระหว่าง 48 – 120 Hz ความละเอียดแบบ HDR 10 Plus (2400×1080 พิกเซล) ในอัตราส่วนแบบ 20:9, วัดค่าความสว่างได้สูงสุดถึง 1,300 nits (เมื่อเปิด Auto Brightness) เรียกว่าแดดแรงแยงตาแค่ไหน ก็สู้แสงได้แบบกินขาด เอาไปใช้ถ่ายภาพตอนกลางวัน เห็นจอชัดเจนแน่นอน
อีกทั้งยังสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอ ความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างคมชัดเต็มอรรถรส มีฟังก์ชัน Always-On Display ด้วยนะ สำหรับใครที่กลัวพลาดการแจ้งเตือน หรือข้อความที่สำคัญ ขณะปิดหน้าจอ และระบบตัดแสงสีฟ้า เพื่อถนอมสายตาระหว่างการใช้งานด้วย Eye comfort shield ช่วยให้ใช้งานได้ แม้อยู่ในบริเวณที่แสงน้อยก็ตาม
ขนาดกำลังดี กับแบตเตอรี่ความจุ ขนาด 4,800 mAh สามารถใช้งานได้ยาวนาน ต่อเนื่อง ตลอดทั้งวัน ได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีระบบชาร์จเร็ว 25 W Super Fast Charging และเทคโนโลยีชาร์จไร้สายความเร็วสูงแบบ 15 W Fast Wireless Charging นอกจากนี้ยังเปลี่ยนเป็นโหมด Wireless PowerShare ในการเปลี่ยนตัวเองเป็นแท่นชาร์จ ให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ
จัดว่าเป็นชิปประมวลผล ที่เร็วเป็นอันดับต้น ๆ ของ Series Galaxy เลยก็ว่าได้ กับชิปเซ็ต Exynos 2100 5G ที่ออกแบบผ่านสถาปัตยกรรมสุดล้ำ ระดับ 5 nm รองรับเครือข่าย 5G และ Wi – Fi 6 เพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูล บนอินเตอร์เน็ต ในระดับกิกะบิตต่อวินาที (Gbps) ได้อย่างรวดเร็ว แรง แซงทุกโค้ง แบบไม่ต้องมารอโหลดนาน ให้ร้อนใจกัน โดยทำงานร่วมกันกับ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 8 GB และ ROM มาตราฐาน UFS 3.1 ขนาด 128 GB / 256 GB มาเสริมความเร็ว แรง ให้กับเครื่องรุ่นนี้
กล้องเทพ ถ่ายรูปคมกริบ
มาต่อกันที่กล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ดีไซน์แบบ Contour-Cut Metal Camera ที่ยังคงไว้ซึ่งฟีเจอร์เด็ดดวง มาให้เราได้เล่นกันอีกเพียบ บอกเลยว่าด้วยประสิทธิภาพจากกล้องของ S21+ จะพลิกโฉมการทำงานสายคอนเทนต์ ให้สามารถจบกระบวนการต่าง ๆ ได้ในเครื่องเดียว โดยจะมีรายละเอียดกล้อหลังทั้ง 3 ตัว ดังนี้
กล้องหลัก Wide
ความละเอียดสูงสุด 12 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/1.8, ระบบโฟกัสอัตโนมัติ Super Speed Dual Pixel AF และระบบกันสั่นแบบ OIS
กล้อง Telephoto
ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/2.0 ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, รองรับการซูมแบบ Hybrid ที่ 3 เท่า (3x Hybrid Optic Zoom), ซูมสูงสุดที่ 30 เท่า (30x Space Zoom)
กล้อง Ultra Wide
ความละเอียดสูงสุด 12 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/2.2
สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ จะความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 10 ล้านพิกเซล พร้อมกับโหมด Portrait หน้าชัดหลังเบลอ, ฟีเจอร์สำหรับการถ่ายภาพอาหาร, Tracking AF การติดตามวัตถุ เพื่อป้องกันการหลุดโฟกัส โหมด Single Take และ โหมด Night สำหรับถ่ายภาพในเวลากลางคืน
ประเดิมการถ่ายวิดีโอ ด้วยความคมชัดสูงสุด ระดับ 8K ให้อัตราการแสดงผลภาพที่ 24 fps, 4K 30 / 60 fps, 1080p 30 / 60 / 240 fps และ 720p 960 fps แถมยังถ่ายวิดีโอจากกล้องหน้า ด้วยระดับความชัดที่ สูงถึง 4K UHD 60 fps กันเลยทีเดียว และไม่ต้องกลัวว่าภาพจะเบลอ
เพราะเขามีกันสั่นแบบบ Super Steady มาให้อีกด้วย, รองรับโหมด Director’s View สำหรับพรีวิวจากกล้องทุกตัว แบบเรียลไทม์ ช่วยให้สามารถเลือกช็อตที่ดีที่สุดได้ทันที เหมาะสำหรับสายงานคอนเทนต์ หรือผู้กำกับมาก
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น